ขุนช้างขุนแผน
มีนิทานเล่าขานกันมาว่า มีครอบครัวสามครอบครัว คือ ครอบครัวของขุนไกรพลพ่ายที่รับราชการทหาร
มีภรรยาชื่อ นางทองประศรี โดยมีลูกชายด้วยกันชื่อ พลายแก้ว
ครอบครัวต่อมาคือครอบครัวของขุนศรีวิชัย เป็นเศรษฐีใหญ่ของเมืองสุพรรณบุรี
รับราชการเป็นนายกองกรมช้างนอก มีภรรยาชื่อ นางเทพทอง มีลูกชายชื่อว่า ขุนช้าง
ซึ่งมีหัวล้านมาแต่เกิด และสุดท้ายเป็นครอบครัวของพันศรโยธา เป็นพ่อค้า
มีภรรยาชื่อ ศรีประจัน มีลูกสาวรูปร่างหน้าตางดงามชื่อ นางพิมพิลาไลย
มาวันหนึ่งสมเด็จพระพันวษา
ต้องการที่จะล่าควายป่า จึงได้สั่งให้ขุนไกรปลูกพลับพลาและต้อนควายเตรียมเอาไว้
แต่ควายป่าเหล่านั้นแตกตื่นไม่ยอมเข้าไปในคอก
ในครั้งนั้นขุนไกรได้ใช้หอกแทงควายตายไปเป็นจำนวนมาก
ส่วนควายป่าที่รอดชีวิตอยู่ก็หนีเข้าป่า
สมเด็จพระพันวษาโกรธมากสั่งให้ประหารขุนไกรเสีย
นางทองประศรีรู้ข่าวเข้าจึงรีบพาพลายแก้วหนีไปอยู่ที่เมืองกาญจนบุรี
ทางเมืองสุพรรณบุรี
ได้มีพวกโจรจันศรขึ้นปล้นบ้านของขุนศรีวิชัยและฆ่าขุนศรีวิชัยตาย
ส่วนพันศรโยธาได้เดินทางไปทำการค้าขายที่ต่างเมือง พอกลับมาก็เป็นไข้ป่าตายไป
ครั้นเมื่อพลายแก้วอายุได้ ๑๕ ปี
ก็ได้บวชเณรเรียนวิชาอยู่ที่วัดส้มใหญ่ แล้วย้ายไปเรียนต่อที่วัดป่าเลไลย
กาลต่อมาที่วัดป่าเลไลยได้จัดเทศน์มหาชาติขึ้น เณรพลายแก้วเทศน์กัณฑ์มัทรี
ซึ่งนางพิมพิลาไลยเป็นเจ้าของกัณฑ์เทศน์
นางพิมเลื่อมใสเณรพลายแก้วเป็นอันมากถึงกับเปลื้องผ้าสไบบูชากัณฑ์เทศ์
ขุนช้างเห็นเช่นนั้นก็เปลื้องของตนวางเคียงกับผ้าสไบของนางพิม
อธิฐานขอให้ได้นางมาเป็นภรรยา ทำให้นางพิมโกรธมาก
ต่อมาเณรพลายแก้วก็สึกออกมาแล้วให้แม่ของตนซึ่งก็คือนางทองประศรีมาสู่ขอนางพิมและแต่งงานกัน
ทางกรุงศรีอยุธยาได้ข่าวว่ากองทัพเชียงใหม่ได้เมืองเชียงทองแตกแล้ว
ซึ่งเมืองนี้เป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระพันวษาถามหาเชื้อสายของขุนไกร
ขุนช้างซึ่งตอนนั้นได้รับราชการอยู่จึงเล่าถึงสามาราถของพลายแก้ว
เพราะหวังที่จะพรากพลายแก้วไปจากนางพิม
สมเด็จพระพันวษาจึงให้ไปตามตัวมาแล้วแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพไปรบกับเมืองเชียงใหม่และได้นำชัยชนะกลับมา
นายบ้านแสนคำแมนแห่งหมู่บ้านจอมทอง เห็นว่าพลายแก้วกับพวกทหารไม่ได้ทำการสิ่งใดให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจึงยกนางลาวทองลูกสาวของตนให้ไปเป็นภรรยาของพลายแก้ว
ส่วนนางพิมพิลาไลย
เมื่อสามีไปออกทัพได้ไม่นานนักก็ป่วยหนักรักษาเท่าไรก็ไม่หาย
ขรัวตาจูวัดป่าเลไลยได้แนะนำให้ไปเปลี่ยนชื่อเป็นวันทอง อาการไข้จึงค่อยหาย
ขุนช้างได้ทำอุบายหลอกนางวันทองโดยนำหม้อใส่กระดูกไปให้นางศรีประจันกับนางวันทองดู
พลางบอกว่าพลายแก้วตายแล้วและได้ขู่ว่านางวันทองจะต้องถูกคุมตัวไปเป็นม่ายหลวงตามกฎหมาย
นางวันทองไม่เชื่อคำขุนช้างว่า แต่นางศรีประจันคิดว่าจริง
ประกอบกับเห็นว่าขุนช้างนั้นเป็นเศรษฐีจึงบังคับให้นางวันทองแต่งงานไปกับขุนช้าง
นางวันทองจำใจต้องทำตามแม่ แต่นางไม่ยอมเข้าหอ
ขณะนั้นพลายแก้วได้กลับมาถึงกรุงศรีอยุธยาและได้บรรดาศักดิ์เป็นแผนแสนสะท้าน
จากนั้นได้พานางลาวทองกลับไปที่สุพรรณบุรีนางวันทองเห็นขุนแผนพาภรรยาใหม่มาด้วยก็ด่าทอนางลาวทองและลืมตัวพูดก้าวร้าวกับขุนแผน
ทำให้ขุนแผนโมโหมากจึงพานางลาวทองไปอยู่ที่กาญจนบุรี
ส่วนนางวันทองก็ตกเป็นภรรยาของขุนช้างไป
ต่อมาขุนช้างและขุนแผนได้เข้าไปรับราชการในวังและได้มหาดเล็กเวรทั้งสองคน
วันหนึ่งนางทองประศรีให้คนมาส่งข่าวกับขุนแผนว่า นางลาวทองป่วยหนัก
ขุนแผนจึงฝากเวรไว้กับขุนช้างแล้วไปดูอาการของนางลาวทอง
ในตอนเช้าสมเด็จพระพันวษาถามถึงขุนแผน
ขุนช้างเท็จทูลไปว่าขุนแผนปีนกำแพงวังหนีไปหาเมีย
สมเด็จพระพันวษาโกรธมากจึงสั่งให้นำตัวนางลาวทองมาขังไว้ในวัง
ส่วนขุนแผนนั้นให้ไปตระเวนด่านห้ามเข้าวังอีก จึงทำให้ขุนแผนแค้นขุนช้างเป็นยิ่งนัก
จึงคิดช่วงชิงนางวันทองกลับคืนมา จึงออกตามหาของวิเศษ ๓ อย่าง คือ ดาบฟ้าฟื้น
กุมารทอง และม้าสีหมอก
ขุนแผนเดินทางไปจนถึงซ่องโจรของหมื่นหาญก็ได้สมัครเข้าเป็นสมุน
วันหนึ่งได้ช่วยชีวิตหมื่นหาญให้รอดพ้นจากการถูกวัวแดงขวิดตายเอาไว้ได้
หมื่นหาญจึงยกนางบัวคลี่ลูกสาวของตนให้ไปเป็นภรรยาของขุนแผน
ต่อมาหมื่นหาญรู้ว่าขุนแผนมีวิชาอาคมที่สูงกว่าตนก็คิดกำจัด
โดยสั่งให้นางบัวคลี่วางยาฆ่าขุนแผน แต่พรายของขุนแผนมาบอกให้รู้ตัวก่อน
คืนนั้นพอนางบัวคลี่นอนหลับ
ขุนแผนจึงผ่าท้องนางและควักเอาเด็กไปทำพิธีปลุกเสกให้เป็นกุมารทอง ต่อจากนั้นก็ทำพิธีตีดาบฟ้าฟื้นและได้ไปซื้อม้าลักษณะดีได้ตัวหนึ่ง
ชื่อ ม้าสีหมอก
แล้วขุนแผนก็เข้าไปที่บ้านของขุนช้างแล้วสะกดคนให้หลับจนหมดแล้วขึ้นไปบนบ้านแต่ไปเข้าห้องผิด
จึงได้พบกับนางแก้วกิริยาและได้นางเป็นภรรยาในที่สุด
หลังจากนั้นก็ไปปลุกนางวันทองพาขึ้นม้าแล้วหนีเข้าป่าไป
ขุนช้างไปฟ้องสมเด็จพระพันวษา พระองค์ทรงให้ทหารตามจับตัวขุนแผนมา
แต่ถูกขุนแผนฆ่าตายเสียซะส่วนใหญ่
ขุนแผนกับนางวันทองหลบซ่อนอยู่ในป่าจนนางตั้งท้องขึ้นมาจึงพากันออกมามอบและสู้คดีจนชนะคดี
ขุนแผนนางวันทอง และนางแก้วกิริยาจึงอยู่ร่วมกันด้วยความสุข แต่ขุนแผนได้นึกถึงนางลาวทองจึงได้ขอร้องจมื่นศรีเสาวรักษ์ให้ขอตัวนางจากสมเด็จพระพันวษาทำให้พระองค์โกรธขุนแผนว่ากำเริบจึงสั่งให้จำคุกขุนแผนเอาไว้
นางแก้วกิริยาก็ตามไปปรนนิบัติขุนแผน ส่วนนางวันทองนั้นพักอยู่ที่บ้านของหมื่นศรี
ขุนช้างได้พาพวกมาฉุดนางวันทองไปเป็นภรรยาอีกครั้ง ต่อมานางได้คลอดลูกชาย
แล้วตั้งชื่อให้ว่าพลายงาม เมื่อขุนช้างรู้ว่าไม่ใช่ลูกตนก็เกลียดชังเป็นหนักหนา
วันหนึ่งจึงหลอกพาเข้าไปในป่าแล้วทุบตีจนสลบแล้วเอาท่อนไม้ทับไว้
พรายของขุนแผนมาช่วยได้ทัน นางวันทองจึงให้พลายงามไปอยู่กับนางทองประศรีที่กาญจนบุรีพลายงามได้ร่ำเรียนวิชาของพ่อจนเชี่ยวชาญ
ขุนแผนจึงได้พาไปฝากไว้กับหมื่นศรี เพื่อหาโอกาสให้เข้ารับราชการ
ฝ่ายพระเจ้าเชียงอินทร์
เจ้าเมืองเชียงใหม่
ได้สั่งให้ทหารไปชิงเอาตัวนางสร้อยทองที่เป็นธิดาของพระเจ้าล้านช้างในระหว่างการเดินทางไปยังกรุงศรีอยุธยา
เพราะพระเจ้าล้านช้างต้องการเป็นไมตรีด้วยจึงได้ส่งธิดามาถวายตัว
และพระเจ้าเชียงอินทร์ได้ส่งหนังสือท้าทายสมเด็จพระพันวษาอีกด้วย
พลายงามเห็นโอกาสจึงอาสาออกไปรบ และขอให้ปล่อยขุนแผนออกจากคุกด้วย
เพื่อจะได้ช่วยทำศึก ขุนแผนจึงพ้นโทษได้ ในขณะที่กำลังเตรียมทัพนางแก้วกิริยาก็คลอดลูกออกมาเป็นลูกชาย
ขุนแผนตั้งชื่อให้ว่า พลายชุมพล แล้วขุนแผนกับพลายงามก็คุมทัพมุ่งสู่เชียงใหม่
ขุนแผนได้แวะไปเยี่ยมพระพิจิตรกับนางบุษบาซึ่งได้เคยให้ความช่วยเหลือตน
เมื่อตอนที่ขุนแผนกับนางวันทองเข้ามอบตัวกับทางการ พลายงามจึงได้พบกับนางศรีมาลาและได้นางเป็นภรรยา
จากนั้นก็คุมทัพไปรบกับเชียงใหม่แล้วได้ชัยชนะกลับมา
ครั้นเมื่อกลับมาถึงกรุงศรีอยุธยา ขุนแผนได้เป็นพระสุรินฤาไชย เจ้าเมืองกาญจนบุรี
พลายงามได้เป็นจมื่นไวยวรนาถ
และสมเด็จพระพันวษาก็ยกนางสร้อยฟ้าที่เป็นธิดาของพระเจ้าเชียงอินทร์ให้แต่งงานกับพระไวยพร้อม
ๆ กับนางศรีมาลา
พระไวยอยากให้แม่มาอยู่กับตนและคืนดีกับพ่อ
จึงได้ไปลักพาตัวนางวันทองมา ขุนช้างโกรธแค้นเป็นยิ่งนักจึงไปฟ้องสมเด็จพระพันวษา
จึงได้มีการไต่สวนคดีกันอีกครั้งหนึ่ง
ในที่สุดสมเด็จพระพันวษาก็ถามนางว่าจะเลือกอยู่กับใคร นางนั้นตัดสินใจไม่ได้
สมเด็จพระพันวษาจึงว่านางว่าเป็นหญิงสองใจจึงสั่งให้นำตัวไปประหารเสีย
พระไวยขออภัยโทษได้ แต่ไปห้ามไม่ทัน
ในส่วนของครอบครัวพระไวยไม่สู้ราบรื่นนัก
เพราะนางสร้อยฟ้าไม่พอใจที่พระไวยและนางทองประศรีรักนางศรีมาลามากกว่านาง
จึงมักจะมีการทะเลาะกันอยู่เนื่องๆ
นางสร้อยฟ้าเจ็บใจจึงให้เถรขวาดทำเสน่ห์ให้พระไวยหลงรักนาง
แล้วนางสร้อยฟ้าก็หาเรื่องให้พระไวยตีนางมาลา พลายชุมพลเข้าไปห้ามก็ถูกตีไปด้วย
พลายชุมพลถึงกับน้อยใจจึงหนีออกจากบ้านไปหาพ่อและแม่ที่กาญจนบุรีแล้วเล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมด
แล้วไปหายายที่สุโขทัย และได้บวชเณรและเล่าเรียนอยู่ที่นั้น
ฝ่ายขุนแผนรีบไปที่บ้านของพระไวย แล้วเสกกระจกมนต์ให้ดูว่าถูกทำเสน่ห์
แต่พระไวยหาได้เชื่อไม่ กลับหาว่าพ่อเล่นกลให้ดู
และพูดลำเลิกบุญคุณที่ตนช่วยพ่อออกมาจากคุก
ขุนแผนแค้นเป็นอันมากประกาศตัดพ่อตัดลูก แล้วกลับกาญจนบุรีทันที
พลายชุมพลเรียนวิชาจนสำเร็จแล้วก็นัดหมายกับขุนแผนจะแก้แค้นพระไวย
โดยพลายชุมพลสึกออกจากเณรแล้วปลอมเป็นมอญ ใช้ชื่อ สมิงมัตรา
ยกกองทัพหุ่นหญ้าเสกมาถึงสุพรรณบุรี สมเด็จพระพันวษา ให้ขุนแผนยกทัพไปต้านศึกไว้
แต่ขุนแผนแกล้งแพ้ให้ถูกจับ พระไวยจึงต้องยกทัพออกไปและต่อสู้กับพลายชุมพล
ระหว่างที่กำลังต่อสู้กันอยู่นั้น ขุนแผนบอกให้พลายชุมพลจับตัวพระไวยไว้
พระไวยเห็นพ่อเข้าก็ตกใจหนีไปฟ้องสมเด็จพระพันวษาพระองศ์จึงให้นางศรีมาลาไปรับตัวขุนแผนกับพลายชุมพลเข้าวัง
พลายชุมพลอาสาจับเสน่ห์ โดยได้ขอหมื่นศรีไปเป็นพยานด้วย พลายชุมพลจับตัวเถรขวาดกับเณรจิ๋วไว้ได้
แล้วขุดเอารูปปั้นลงอาคมที่ฝั่งไว้ใต้ดินขึ้นมาเสน่ห์ที่ทำไว้จึงคลายลง
ตกดึกเถรขวาดกับเณรจิ๋วสะเดาะโซ่ตรวนหนีไป ในการไต่สวนคดีนางสร้อยฟ้านั้น
นางไม่ยอมรับว่าเป็นคนทำเสน่ห์ และได้ใส่ร้ายว่านางศรีมาลาเป็นชู้กับพลายชุมพล
พอนางจับได้พลายชุมพลก็หนีไปยุยงขุนแผน
จนในที่สุดก็ต้องมีการพิสูจน์ความบริสุทธิ์โดยการลุยไฟนางสร้อยฟ้าแพ้ถูกไฟลวกจนพุพองทั้วตัว
ส่วนนางศรีมาลานั้นไม่เป็นอะไรเลย สมเด็จพระพันวษาจึงสั่งประหารนางสร้อยฟ้า
แต่นางศรีมาลาช่วยขออภัยโทษให้ จึงถูกเนรเทศกลับไปอยู่ที่เชียงใหม่ตามเดิม
ในระหว่างการเดินทางก็พบเถรขวาดกับเณรจิ๋ว จึงเดินทางไปด้วยกัน
กลับถึงเชียงใหม่ได้ไม่นานนักนางก็ให้กำเนิดลูกชาย ชื่อ พลายยง
ส่วนนางศรีมาลาก็คลอดลูกชายเช่นกัน ขุนแผนตั้งชื่อให้ว่า พลายเพชร
พระเจ้าเชียงอินทร์ ตั้งเถรขวาด
เป็นพระสังฆราชเพื่อเป็นการตอบแทนความดีความชอบที่พานางสร้อยฟ้ากลับมาบ้านเมืองได้อย่างปลอดภัย
แต่เถรขวาดยังมีความแค้นต่อพลายชุมพล จึงเดินทางมาที่กรุงศรีอยุธยา
แล้วแปลงกายเป็นจระเข้เที่ยวอาละวาดฆ่าคนและสัตว์ไปเป็นจำนวนมาก
พลายชุมพลจึงอาสาออกปราบจระเข้จนสำเร็จ ได้ตัวเถรขวาดมาประหารชีวิต
พลายชุมพลได้บรรดาศักดิ์เป็นหลวงนายฤทธิ์
นับจากนั้นเป็นต้นมาทุกคนก็อยู่กันอย่างมีความสุข
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น